หน้าแรก > ภูมิภาค

หนุ่มตกงานขาดเงิน เคราะห์ซ้ำปล่อยรถให้เช่ากับบริษัทพี่สาว ถูกคนร้ายหลอกเช่าแล้วเชิดรถหาย ตามรถเองพบเป็นขบวนการ จ.นนทบุรี

วันที่ 18 มีนาคม. 2024 เวลา 04:33 น.


หนุ่มตกงานขาดเงิน เคราะห์ซ้ำปล่อยรถให้เช่ากับบริษัทพี่สาว ถูกคนร้ายหลอกเช่าแล้วเชิดรถหาย ตามรถเองพบเป็นขบวนการ จ.นนทบุรี

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 17 มี.ค.67 ที่บริษัทเช่ารถแห่งหนึ่ง ถนนบางกรวย-ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว เดินทางเข้าพบ น.ส.เปรม อายุ 37 ปี เจ้าของบริษัทดังกล่าว หลังได้รับเรื่องร้องเรียนให้ช่วยเหลือติดตามคดีที่ถูกแก๊งหลอกเช่ารถกระบะไป สุดท้ายรถหาย จึงได้เข้าตรวจสอบหลักฐานและข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการทั้งหมด

จากการตรวจสอบหลักฐานพบว่า รถกระบะที่ถูกคนร้ายลักไปเป็นรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไททัน สีดำ ทะเบียน 2ฒล 4729 กทม. มีนาย ธ. (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี เป็นเจ้าของ รถ อยู่ระหว่างผ่อนชำระกับไฟแนนซ์อีก 51 งวด งวดละ 10,700 บาท โดยได้มีการนำรถกระบะมาร่วมกับบริษัทเช่ารถดังกล่าวเพื่อหารายได้เพิ่ม จนกระทั่งวันที่ 31 ม.ค.67 ได้มีนาย ช. (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ติดต่อเข้ามาที่บริษัทเพื่อขอเช่ารถกระบะ เพื่อไปขนของในพื้นที่ ถนนแจ้งวัฒนะ จำนวน 3 วัน คือ วันที่ 31 ม.ค.-3 ก.พ.67 ในราคาวันละ 1,200 บาท รวมเป็นเงิน 3,500 บาท (ลด100บาท) และเงินประกันอีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 6,500 บาท นายชวลิต ได้มีการโอนเงินมัดจำมาจำนวน 1,000 บาท

วันที่ 31 ม.ค.67 เวลา 17.30 น. นาย ช. ได้เดินทางมาทำสัญญาเช่า โดยมากับเพื่อนคือนาย ภ. (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี จากนั้นนัดรับรถที่ด้านหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนบางกรวย-ไทรน้อย โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ นอกจากนั้นยังได้ถ่ายรูปเพื่อยืนยันการรับรถ และโอนเงินจำนวน 5,500 บาท ต่อมาวันที่ 3 ก.พ.67 เวลา 10.00 น. น.ส.เปรม เจ้าของบริษัท ได้โทรศัพท์แจ้งเตือนกำหนดส่งคืนรถ ซึ่งนาย ช. ได้ขอเช่าต่ออีก 1 วัน โดยจะโอนเงินให้ในเวลา 12.00 น. ผ่านไปจนเวลา 13.00 น. ยังไม่มีการโอนเงินเข้าบริษัท จึงได้เริ่มตรวจสอบกล้องในรถกระบะและ GPS. พบว่ารถได้ไปจอดที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง จากนั้นกล้องได้ดับไปไม่สามารถบันทึกภาพได้ จึงได้มีการโทรหานาย ช. อีกครั้ง แต่ไม่รับโทรศัพท์

ต่อมา น.ส.เปรม ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ไทรน้อย พร้อมกับตรวจสอบสลิปการโอนเงินค่าเช่ารถ โดยนำหมายเลขบัญชีของนาย ช. ไปตรวจสอบกับธนาคาร พบว่ามีการโอนเงินเข้ามาให้นาย ช. 2 ครั้งจำนวน 1,000 บาท และ 5,500 บาท ก่อนที่นาย ช. จะโอนค่าเช่ารถทันที พบว่าชื่อคนโอนเงินคือ นาย ภ. คือคนที่มารับรถกับนาย ช. จากนั้นได้ทำการตรวจสอบประวัติในอินเตอร์เน็ต พบว่ามีคดีเกี่ยวกับการจำนำรถ และยังพบประวัติต้องคดีในพื้นที่ จ.ชลบุรี

วันที่ 4 ก.พ.67 ได้พยายามติดตามรถ และติดต่อนาย ช. แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งวันที่ 9 ก.พ.67 กล้องในรถและ GPS ได้เปิดทำงานอีกครั้ง ทำให้น.ส.เปรม พบพิกัดรถว่าอยู่ในพื้นที่ เขตหนองจอก โดยกล้องสามารถบันทึกหน้าบุคคลหนึ่งไว้ได้ เมื่อเดินทางไปตามพิกัดที่ระบุพบเป็นอู่แต่งรถ เมื่อสอบถามหาบุคคลในภาพ จนพบตัวและทราบว่าได้ซื้ออะไหล่มาทางอินเตอร์เน็ต โดยมีสลิปโอนเงินชื่อ น.ส. ธ (นามสมมุติ) และเบอร์โทรศัพท์เป็นชื่อ น.ส. ก. (นามสมมุติ) คนที่สั่งซื้ออะไหล่และเจ้าของรถที่ติดตั้งกล้องคนใหม่จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความ ที่ สน.หนองจอก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

วันที่ 12 ก.พ.67 น.ส.เปรม สืบทราบที่อยู่บ้านนาย ช. จึงได้ประสานทางท้องถิ่นและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางจัก จ.อ่างทอง ร่วมเดินทางไปที่บ้านพบนาย ช. ซึ่งให้การยอมรับว่าได้ไปเช่ารถกระบะคันดังกล่าวจริง โดยมีนาย ภ. คนที่ไปด้วยแจ้งกลับมาว่าได้คืนรถที่เช่าแล้วในวันที่ 3 ก.พ.67 จึงไม่ได้เอะใจ โดยนาย ช. ได้แจ้งว่าได้รับการติดต่อจากนาย ค. (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี น้องชายลูกติดพ่อเลี้ยง เป็นคนติดต่อมาให้ไปเช่ารถให้เพราะนาย ภ. จะย้ายที่พักแต่ไม่มีใบขับขี่ จึงได้รับจ้างไปเช่ารถให้ จากนั้นนาย ช. จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับนาย ค.  ด้าน น.ส.เปรม จึงได้เบอร์ติดต่อแม่ของนาย ค. และพยายามโทรศัพท์ติดต่อ จนทราบว่านาย ค. พักอาศัยที่จ.สิงห์บุรี

วันที่ 22 ก.พ.67 นาย ค. ได้แอดไลน์กลับมาจากเบอร์ในโทรศัพท์แม่ของนาย ค. จากนั้นได้โทรไลน์มาหา น.ส.เปรม ซึ่งมีคลิปเสียงอัดไว้กล่าวว่า "ตนไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นแบบนี้ เพราะว่าเพื่อนของตนได้มาบอกว่าไปรับจ้างเช่ารถได้เงินมา และไม่โดนคดีความ ไม่ต้องขึ้นศาล เพราะเจ้าของจะตามจนได้รถคืนตาม GPS  ตนจึงได้ไปบอกพี่ชายตนเพราะพี่ชายเดือดร้อนต้องใช้เงิน เป็นหนี้ วันที่ไปรับรถมีคนชื่อแบงค์ (นาย ภ.)ไปด้วย ตนไม่ได้รู้จักนายแบงค์ดี เพิ่งเจอกันได้ 3-4 วันโดยนายแบงค์มากับเพื่อนตน วันไปรับรถตนก็ไม่ได้ไป หลังจากพี่ตนกลับมาตนก็ไปหาพี่ชายตน ตนว่าเรื่องทุกอย่างตนก็โดนหลอกไปอีกทีหนึ่ง เพราะเขาบอกว่าทำแบบนี้ เดี๊ยวรถก็จะกลับคืนไปที่เต้นท์เหมือนเดิมเพราะเจ้าของเขาตามได้จาก GPS เขาไม่ได้บอกว่ามันจะเดือดร้อนขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครทำ ตนพร้อมไปยืนยันให้ปากคำที่โรงพัก ตนไม่หนีแน่ เพราะตนไม่ใช่คนขาย และตนก็ไม่ได้รับเงินจากเขา มันตรวจสอบได้ เงินที่ได้มาแบ่งกันเพราะเป็นเงินค่าจ้างที่หาคนค้ำ"

วันที่ 10 มี.ค.67 น.ส.เปรม ได้ติดตามจนเจอตัวนาย ค. ที่ จ.สิงห์บุรี จากนั้นได้พาตัวมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางจัก จ.อ่างทอง หลังจากที่นาย ช. ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนาย ค. ไว้ ในข้อหายักยอกทรัพย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบปากคำนาย ค. และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ

น.ส.เปรม กล่าวว่า ตอนนี้ตนเพียงอยากได้รถคืนเพราะ 1 เดือนกว่าแล้ว และเหมือนเขาท้าทายตนด้วยว่ากฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้ จากประวัติที่เช็คในอาชญากรรถเช่า พบว่าบุคคลนี้มีประวัติที่เช่ารถเพื่อเอาไปจำนำโดยเฉพาะ มีแบล็คลิสติดตัวเขาอยู่แล้ว แต่เขายังจะทำซ้ำอยู่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย หรือผลกระทบต่อบุคคลภายนอกเลย ก็เลยอยากให้ทางเพจและตำรวจช่วยดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เขาจะได้ไม่ไปกระทำต่อคนอื่นต่อไป จากความคิดของตนและที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานมา ตนคิดว่ามันเป็นขบวนการ มีการวางแผนจากหนึ่งไปสองไปสาม และจาก 3 ไป 4 ซึ่งต่อติดกันหมดเลยว่าเป็นอย่างไร อยากให้ตำรวจสืบให้ถึงตัวกระบวนการใหญ่ และติดตามเอารถกลับคืนมาให้ได้เพื่อดำเนินคดีถึงที่สุด นอกจากนี้ตัวการใหญ่ยังได้โทรมาท้าทายกับบุคคลที่ 2 ว่าแน่จริงก็มาสิ

นาย ธ. อายุ 39 ปี เจ้าของรถกระบ กล่าวว่า รถที่หายไปเป็นรถของตน โดยตนตกงานขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงมาขอให้พี่สาวช่วยโดยนำรถมาเข้าร่วมให้เช่า เพื่อจะมีรายได้มาใช้จ่าย โดยตนทราบว่ามีการเช่ารถไป เมื่อรถหายไปก็รู้สึกเสียใจอยากได้คืน เพราะรถยังต้องผ่อนอยู่ ส่วนประกันรถแจ้งมาว่าอยู่นอกเหนือจากสัญญาที่ทำไว้ จึงต้องรับผิดชอบเอง หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความไว้แล้วตั้งแต่วันแรกที่รถหาย ก็อยากฝากถึงคนร้ายให้เอารถมาคืนและฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยด้วย

นายอธิวัฒน์ สิริกังวานวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชน ที่เปิดบริษัทให้เช่ารถกระบะไปใช้ขนส่งในงานต่างๆ ดูจากข้อมูลพยานหลักฐานแล้วน่าจะเป็นการทำงานเป็นขบวนการ คือเช่ารถแล้วเอาอะไหล่ไปขาย หรือเอาตัวรถไปขายต่อที่ประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องนี้จะพาผู้เสียหายไปร้องกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และอาจจะไปหานายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำรองนายกรัฐมนตรี อีกทีหนึ่งเพื่อให้เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบทุกคนที่เกี่ยวข้องในขบวนการนี้ เพื่อขยายผลต่อไป

พิรฎา
 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม